สั่งซื้อสินค้า สมัครสมาชิกกิฟฟารีน  ติดต่อ  0866776694 



ยามะขามแขกแคปซูล
  
 ราคา           80.00 บาท
 เหลือเพียง  64.00 บาท
  ขนาด        50   เม็ด
  รหัสสินค้า : 48003
 
มีบริการเก็บเงินปลางทาง  COD 







เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับภาวะท้องผูกกับมะขามแขก

ภาวะท้องผูก จัดเป็นอาการที่เกิดกับระบบทางเดินอาหาร เกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย สำหรับรายที่มีอาการท้องผูกเล็กน้อย
คงไม่จำเป็นต้องพึ่งยาในการรักษาแต่อย่างใด แต่หากมีอาการท้องผูกมากขึ้นและประจำ
การใช้ยาก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยรักษาอาการดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตามท้องผูกจัดเป็นอาการมิใช่เป็นชื่อของโรค

การจะทราบว่าใครมีภาวะท้องผูกบ้างอาจดูได้จากอาการต่อไปนี้ คือ ต้องเบ่งอุจจาระมากกว่าร้อยละ 25
ของการขับถ่ายทั้งหมดหรือการมีภาวะอุจจาระแข็ง ถ่ายอุจจาระไม่หมด รู้สึกตุงบริเวณทวารหนัก หรือต้องใช้นิ้วล้วงทวาร

         สาเหตุการเกิดอาการท้องผูกอาจเกิดได้จาก
1. มีความผิดปกติทางกายภาพ ซึ่งอาจเกิดจากความผิดปกติทางสรีระ หรือโรคของลำไส้ รูทวาร
ไขสันหลัง ความผิดปกติของเส้นประสาทที่ควบคุมการถ่ายการอุดตันของลำไส้ มะเร็งลำไส้
หรือพบร่วมกับโรคของระบบอื่น เช่น ภาวการณ์มีฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ ฝีคัณฑสูตร และการใช้ยาบางชนิด
เช่น ยากล่อมประสาท ยาคลายความกังวล ยารักษาโรคจิตและอาการซึมเศร้า เป็นต้น

2. ท้องผูกโดยไม่มีความผิดปกติทางกายภาพ เป็นอาการท้องผูกที่พบในคนที่มีสุขภาพแข็งแรงไม่มีโรค
สาเหตุอาจเกิดได้จากอุปนิสัยการขับถ่าย ความเป็นอยู่หรือสิ่งแวดล้อม อารมณ์และจิตใจก็ได้ เช่น
การรับประทานอาหารที่มีกากน้อย ดื่มน้ำน้อย การขาดการออกกำลังกาย เป็นต้น
หรือแม้แต่การกลั้นอุจจาระเนื่องจากความรีบร้อนในการทำงาน ทำให้ละเลยต่อการปวดถ่าย

การรักษาอาการท้องผูก
1. การรักษาโดยไม่ใช้ยา กรณีภาวะที่มีอาการท้องผูกไม่รุนแรง อาการหายไปโดยไม่ต้องใช้ยาได้ ซึ่งมีข้อแนะนำดังนี้

- ควรรับประทานอาหารที่มีกาก เช่น ผักต่าง ๆ และดื่มน้ำมาก ๆ

- พยายามปรับสภาพชีวิตประจำวันให้มีการออกกำลังกายให้มากขึ้น เช่น ลดการใช้ลิฟท์หรือบันไดเลื่อนแล้วใช้การเดินแทน
หรือการเดินแทนการขึ้นรถในระยะทางใกล้ๆ

- บริหารร่างกายส่วนที่ให้ผลโดยตรงต่อกล้ามเนื้อหน้าท้อง เพราะจะช่วยให้ขับถ่ายได้เป็นปกติและเป็นเวลา เช่น
การให้นอนราบ เอามือวางบนอก เกร็งกล้ามเนื้อให้พยุงตัวขึ้นนั่ง โดยพยายามอย่างอเข่าหรือยกเท้า ทำซ้ำเช่นนี้หลายๆครั้ง

2. การรักษาโดยการใช้ยา
เมื่อเกิดภาวะท้องผูกและมีความจำเป็นต้องใช้ยาในการรักษาควรใช้เป็นการชั่วคราวเท่านั้น
ไม่ควรใช้ติดต่อกันเกิน 1 สัปดาห์โดยเฉพาะยากลุ่มที่กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้
ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการติดยาและการเกิดกลุ่มอาการท้องผูกสลับท้องเสีย (Irritable Bowel Syndrome)
ซึ่งจะทำให้การทำงานของลำไส้ใหญ่ลดลงมากกว่าปกติ เยื่อเมือกบุผนังลำไส้เหี่ยวผิดปกติ กล้ามเนื้อใต้เยื่อบุผิวลำไส้หนามากขึ้น
ปมประสาทเสื่อมและเกิดการสูญเสียโปรตีนทางลำไส้ได้ (อ้างอิงที่ 1)

ยากระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ (Stimulants) มีอยู่หลายกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มไดฟีนีล-มีเทน (Diphenylmethanes),
น้ำมันละหุ่ง (Castor Oil), กลุ่มแอนตี้โคลีนเอสเทอเรส (Anticholinesterases),
ยาเหน็บกลีเซอรีน (Glycerin), กลุ่มแอนทราซีนไกลโคไซด์ (Anthracene Glydosides) (อ้างอิงที่ 1 )
หนึ่งในยากระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ที่รู้จักกันดี คือ มะขามแขก ซึ่งเป็นยาในกลุ่มแอนทราซีนไกลโคไซด์ (Anthracene Glycosides)

มะขามแขก มีชื่อสามัญภาษาอังกฤษคือ Senna
มีชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Senna alexandrina P. Miller หรือ Cassia angustifolia
มีประวัติการนำมาใช้เป็นยาระบายมานานเกือบ 100 ปี ในใบและฝักมะขามแขกมีสารที่ชื่อ แอนทราควิโนน
ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ใหญ่ ทำให้ถ่ายท้องได้ (อ้างอิงที่ 2) มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นจำนวนมาก
รองรับสรรพคุณของมะขามแขก ดังนี้

1. ด้านสาระสำคัญในการออกฤทธิ์เป็นยาถ่าย

มีการศึกษาพบฤทธิ์เป็นยาถ่าย สารที่ออกฤทธิ์คือ Sennoside A และ B, Aloe emodin,
จะเปลี่ยนกลับไปกลับมาได้ และถูกเปลี่ยนต่อไปเป็น Rheinanthrone ซึ่งออกฤทธิ์ต่อลำไส้ส่วน Colon
โดยตรงสาระสำคัญนี้จะกระตุ้นกลุ่มเซลล์ประสาทซึ่งอยู่ใต้ชั้น Submucosa ทำให้เกิดการบีบตัวของลำไส้ (อ้างอิงที่ 3)

2. ฤทธิ์ในการกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้

มีผู้พบฤทธิ์กระตุ้นลำไส้ใหญ่ (อ้างอิงที่ 3) และมีการศึกษาในอาสาสมัคร 12 คน
โดยให้ดื่มชาชงมะขามแขก เปรียบเทียบกับการรับประทานยา Erythromycin จากนั้นทำการถ่ายภาพลำไส้ใหญ่ด้วยวิธี Magnetic Resonance Imaging (MRI)
ก่อนและหลังได้รับชาชงหรือยา พบว่ากลุ่มที่ได้รับชาชงมะขามแขกจะทำให้ลำไส้ใหญ่ส่วน Colon มีการเคลื่อนไวมากกว่ากลุ่มที่ได้รับ Erythromycin อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (อ้างอิงที่ 3,4)

3. การทดลองทางคลินิกสำหรับใช้รักษาอาการท้องผูก

มีการศึกษาในผู้ป่วยหลังผ่าตัดมะเร็งต่อมลูกหมาย หรือมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ที่มีอาการท้องผูก

จำนวน 92 คน อายุระหว่าง 43-82 ปี โดยให้ ผู้ป่วย 61 คน รับประทานยาแคลเซียมเซนโนไซด์
ซึ่งเป็นแคลเซียมฟอร์มของเซนโนไซด์จากใบมะขามแขกที่ใช้เป็นยาระบาย ขนาดเม็ดละ 15 มก. 2 เม็ด ก่อนนอนทุกคืน หลังผ่าตัดในวันที่ 1 และให้รับประทานติดต่อกันจนถึงวันที่ 7 หลังการผ่าตัด และคนไข้อีก 31 คน เป็นกลุ่มควบคุมไม่ได้รับยาระบายใด ๆ พบว่าผู้ป่วยที่รับประทานยาแคลเซียมเซนโนไซด์ถ่ายอุจจาระคล่อง ตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 4 หลังรับประทานยา คิดเป็นร้อยละ 90 การถ่ายอุจจาระเฉลี่ยวันละ 1.23 ครั้ง/คน ส่วนกลุ่มควบคุมมีเพียงร้อยละ 19 เท่านั้น ที่ถ่ายอุจจาระคล่องสัดส่วนของการถ่ายอุจจาระคล่องในผู้ป่วยที่รับประทานยา แคลเซียมเซนโนไซด์มากกว่าผู้ป่วยที่ไม่ได้รับยาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (อ้างอิงที่ 3)

นอกจากนี้ยังมีการศึกษาในผู้ป่วยหลังผ่าตัดมะเร็งต่อมลูกหมาก จำนวน 81 ราย อายุระหว่าง 52-86 ปี
โดยแบ่งผู้ป่วยออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มควบคุมซึ่งไม่ได้รับยา กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มที่ได้รับยาเม็ดมะขามแขก 2 เม็ดก่อนนอนทุกคืน
หลังผ่าตัดในวันที่ 1 ติดต่อกันนาน 14 วัน กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มที่ได้รับยาระบาย Milk of Magnesia (MOM) 30 มล. ก่อนนอน นาน 14 วัน

จากนั้นทำการบันทึกลักษณะอุจจาระและจำนวนครั้งของการถ่ายอุจจาระ
พบว่าสัดส่วนของผู้ที่มีอาการท้องผูกและท้องเสียมีความแตกต่างกันระหว่าง 3 กลุ่มอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
กลุ่มควบคุมถ่ายอุจจาระไปทางแข็งที่ไม่พึงประสงค์มากกว่ากลุ่มอื่น

ส่วนกลุ่ม MOM ถ่ายไปในทางเหลวและน้ำมากกว่ากลุ่มอื่นจากการศึกษาในครั้งนี้สรุปได้ว่า
การใช้ยาเม็ดมะขามแขกในผู้ป่วยหลังผ่าตัดมะเร็งต่อมลูกหมาก
จะช่วยให้การถ่ายอุจจาระในลักษณะที่พึงประสงค์ (ปกติและเหลว) ได้ดีกว่าการใช้ยา MOM
(อ้างอิงที่ 3)

มีการทดลองทางคลินิกเพิ่มเติม โดยให้มารดาที่อยู่ในช่วงให้นามบุตรหลานมะขามแขก พบว่าใช้ได้ผลดีและไม่มีผลกระทบไปถึงทารก (อ้างอิงที่ 3,5)

เอกสารอ้างอิง

1. เอกสารเผยแพร่เรื่อง การใช้ยาระบาย กลุ่มพัฒนาระบบ กองพัฒนาศักยภาพผู้บริโภค สำนักงาน
คณะกรรมการอาหารและยา http://www.oryar.com/oryor/admin/module/fda_info/file/f_39_1171707297.pdf
2. มะขามแขก องค์การเภสัชกรรม http://www.gpo.or.th/herbal/senna/senna.htm
3. มะขามแขก สมุนไพรที่ใช้ในงานสาธารณสุขมูลฐาน หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร ณ สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล http://www.medpiant.mahidol.ac.th/pubhealth/index.asp
4. Assessment of large bowel motility by cine magnetic resonance imaging using two different prokinetic agents: a feaslbllity study. Invest Radiol. 2005 Nov;40(11):689-94.
5. Clinical study of Senna Administration to Nursing Mothers Assessment of Effects on lnfant Bowel Hobits. Can Med Assoc J. 1963 September 14: 89(11): 566-568.

-------------------------------------------------

ยามะขามแขกแคปซูล ยาแผนโบราณ / ยาสามัญประจำบ้าน

ส่วนประกอบสำคัญใน 1 แคปซูลประกอบด้วย : ผงใบมะขามแขก 400 มก. สรรพคุณ : เป็นยาระบาย แก้ท้องผูก
ข้อควรระวัง : สตรีมีครรภ์ห้ามรับประทาน การเก็บรักษา : เก็บไว้ในที่เย็น  

วิธีรับประทาน : ครั้งละ 4-5 แคปซูล วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน เมื่อมีอาการท้องผูก
คำเตือน : ห้ามใช้เป็นยาลดความอ้วน หรือยาลดน้ำหนัก เลขทะเบียนที่ G194/43
รหัสสินค้า 48003
ปริมาณสุทธิ : 50.00 แคปซูล
น้ำหนักรวม : 25 กรัม
จำนวน : 1 กระปุก
ราคาสมาชิก54.00
ราคาเต็ม75.00
พีวี27.00






สมาชิก 54  บาท
ขนาด 50  เม็ด











ANATTARA SHOP
BY GIFFARINE
ให้เราช่วยดูแลคุณ
ติดต่อ ปรีกษา ผู้เชี่ยวชาญ:
เช บ.อนัตตาเอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด
โทร:0866776694
สมัครสมาชิกรับส่วนลด ราคาสมาชิก






       รหัสตัวแทน        47050480
       ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ 
       จาก บ.กิฟฟารีนสกายไลน์ยูนิตี้จำกัด
แชร์หน้านี้
ขอสงวนสิทธิ์ในการคัดลอกบทความ หรือ รูปภาพ ห้ามนำไปใช้โดยมิได้รับอนุญาติ
จัดทำโดยนักธุรกิจกิฟฟารีน มิใช้เว็บไซต์ อย่างเป็นทางการของบริษัทกิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้